Pages

Tuesday, June 16, 2020

โหมไฟม็อบผิวสีขยี้ลุงแซม - สยามรัฐ

pasipaso.blogspot.com

เข้าทำนอง “ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก”

สำหรับ สถานการณ์การชุมนุมประท้วงกรณีเหยียดสีผิวในสหรัฐอเมริกา ที่ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องกว่า 20 วัน หรือ 3 สัปดาห์แล้ว

นับตั้งแต่เกิดเหตุกรณี “นายจอร์จ ฟลอยด์” ชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน วัย 46 ปี เสียชีวิตขณะถูกตำรวจเมืองมินนีอาโพลิส รัฐมินนีโซตา ควบคุมตัวอย่างเหี้ยมโหดชนิดที่ไม่น่าพึงกระทำ นั่นคือ ใช้เข่ากดคอนายฟลอยด์ จนหายใจไม่ออกเป็นเวลานานถึงเกือบ 9 นาที จนชีวิตต้องปลิดปลงไป เมื่อช่วงปลายของเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ก่อนส่งผลก่อให้เกิดการชุมนุมประท้วงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจของเมืองดังกล่าว จากเรื่องความเรียกร้องความเป็นธรรม และไม่พอใจอย่างรุนแรงเรื่องการเหยียดสีผิว กระทั่งลุกลามบานปลายจากนครมินนีอาโพลิส ไปยังเมืองในรัฐอื่นๆ แทบจะถ้วนทั่วประเทศสหรัฐฯ

ไม่เว้นแม้กระทั่งกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมืองหลวง ที่กลุ่มผู้ชุมนุมไปประท้วงกันถึงบริเวณด้านหน้าทำเนียบขาว อันเป็นทั้งที่ทำงาน และที่พำนักของประธานาธิบดี ประมุขผู้ปกครองประเทศกันเลยทีเดียว แถมมิหนำซ้ำกระแสการะชุมนุมประท้วงจากเหตุข้างต้น ก็ยังข้ามน้ำ ข้ามทะเล ไปยังประเทศในภูมิภาคอื่นๆ แทบจะทุกมุมโลกอีกต่างหาก

ใช่แต่เท่านั้น การชุมนุมประท้วงดังกล่าว ก็ยังก่อให้เกิดสถานการณ์พลิกผันออกไปจากการชุมนุมประท้วง เดินขบวนธรรมดา นำพาไปสู่สถานการณ์จลาจล เกิดความวุ่นวาย กันไปทั่ว ทั้งเผาทำลายทรัพย์สิน และปล้นสะดม ราวกับบ้านเมืองไร้ขื่อแป ไม่ผิดอะไรกับยุคมิคสัญญีกันอย่างไรอย่างนั้น

ถึงขนาดทางการของเมืองในรัฐต่างๆ ประเทศสหรัฐฯ รวมแล้วถึง 40 เมือง ต้องประกาศบังคับใช้ภาวะฉุกเฉิน ควบคู่ไปกับการประกาศเคอร์ฟิว เพื่อใช้เป็นมาตรการควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในความสงบ แต่ปรากฏว่า ทั้งการชุมนุมประท้วง และเหตุการณ์ความวุ่นวาย ยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมิใช่แต่เฉพาะในสหรัฐฯ เท่านั้น แม้กระทั่งในการชุมนุมประท้วงที่ลุกลามไปยังประเทศต่างๆ ที่กระแสดังกล่าวไหลลามไปถึง ก็ยังเกิดความชุลมุนวุ่นวายด้วยเช่นกัน อาทิ

ที่ประเทศอังกฤษ ปรากฏว่า มีกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงถูกตำรวจจับกุมไปจำนวนนับร้อยคน ระหว่างการเผชิญหน้ากันระหว่างกลุ่มม็อบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในกรุงลอนดอน เมืองหลวงของประเทศ

ที่ประเทศฝรั่งเศส ปรากฏว่า กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง ปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจล ขณะเผชิญหน้ากันย่านใจกลางกรุงปารีส เมืองหลวงของฝรั่งเศส

ที่ประเทศออสเตรเลีย ที่การชุมนุมลุกลามนำไปสู่การประท้วงชาวผิวขาว กระทำอย่างไม่เป็นธรรมต่อชาวอะบอริจิน เป็นชนพื้นเมืองดั้งเดิมของออสเตรเลีย

โดยการชุมนุมประท้วงและเหตุวุ่นวายที่เกิดขึ้น ยังลุกลามไปถึงการทำลายสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของการรุกรานล่าดินแดน การค้าทาสผิวสี จากคนผิวขาว เช่น การทำลายอนุสาวรีย์ของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ในสหรัฐฯ การทำลายอนุสาวรีย์ของกัปตันเจมส์ คุก ในออสเตรเลีย เป็นต้น

ทั้งนี้ แม้ว่าร่างอันไร้วิญญาณของนายจอร์จ ฟลอยด์ ได้นำไปประกอบพิธีทางศาสนาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ที่เมืองฮิวสตัน รัฐเทกซัส แต่ปรากฏว่า กระแสการชุมนุมประท้วง และความวุ่นวาย ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะจบสิ้นไปง่ายๆ ทั้งในสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ ที่กระแสถูกปลุกจนลุกลามไปถึง

เมื่อล่าสุด ได้เกิดเหตุตำรวจปลิดชีพชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันไปอีกราย เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

โดยเหตุการณ์ล่าสุดข้างต้นนั้น เกิดขึ้นที่เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์จเจีย ประเทศสหรัฐฯ เมื่อตำรวจสองนาย เข้าจับกุมชายอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันรายหนึ่ง ทราบชื่อภายหลังว่า “นายเรย์ชาร์ด บรูค” อายุ 27 ปี ขณะกำลังนอนหลับในรถ ซึ่งจอดกีดขวางทางจราจรที่บริเวณภัตตาคารเวนดี โดยมีรายงานว่า นายบรูค มีอาการเมาสุราด้วย ได้ขัดขืนต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และมีรายงานว่านายบรูค เล็งปืนช็อตไฟฟ้ามาที่ตำรวจ ส่งผลให้ 1 ใน 2ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าจับกุม ตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงนายบรูคจนเสียชีวิต

ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้เกิดการชุมนุมประท้วงในเมืองแอตแลนตา และเป็นเหตุให้ ผบ.หญิงแห่งสำนักงานตำรวจแอตแลนตาอย่าง “นางเอริกา ชิลด์” ต้องยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งกับนางไคชา แลนซ์ บ็อทท็อม นายกเทศมนตรีหญิงแห่งนครแอตแลนตา รวมถึงส่งผลให้ตำรวจผู้ลั่นไก ต้องถูกยุติบทบาทหน้าที่ในฐานะเจ้าหน้าที่ตำรวจของนครแอตแลนตา คือ ไล่ออกจากการเป็นตำรวจ นั่นเอง แต่ทว่า สถานการณ์ก็ยังคงชุลมุนวุ่นวาย ที่สืบเนื่องจากการชุมนุม จนถึงขั้นกลุ่มผู้ประท้วงจุดไฟเผาภัตตาคารเวนดี สถานที่เกิดเหตุจนวอดไปทั้งหลัง ภายหลังจากเพลิงโหมไหม้นานถึง 45 นาที

ดูเหมือนว่า สถานการณ์ประท้วงจากม็อบในศึกผิวสีดังกล่าว จะยังคงรุนแรงยืดเยื้อออกไป อย่างไม่ทีท่าว่าจะจบสิ้นไปเมื่อใด ซึ่งแม้แต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ก็ยังออกอาการหวั่นๆ อยู่ไม่น้อย เพราะถึงขนาดต้องเลื่อนการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเมืองทัลซา รัฐโอคลาโฮมา ในช่วงปลายสัปดาห์นี้ เพราะตรงกัน “วันเลิกทาส” พอดี ที่ดีไม่ดีอาจเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ นอกเหนือการควบคุมได้ง่ายๆ ขณะรณรงค์หาเสียง

Let's block ads! (Why?)



"ผิว" - Google News
June 16, 2020 at 01:39PM
https://ift.tt/2AE7mpa

โหมไฟม็อบผิวสีขยี้ลุงแซม - สยามรัฐ
"ผิว" - Google News
https://ift.tt/2XmUw7i

No comments:

Post a Comment